โบท็อกซ์ ออกฤทธิ์ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
โบท็อกซ์ คือสาร Botulinum Toxin A สกัดจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม มาฉีดที่ผิวหนังบริเวณใบหน้าเพื่อลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยและปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับตามใจต้องการ ภายในระยะเวลารวดเร็วอีกทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีปัญหาได้เป็นอย่างดี
เมื่อเราได้ทำการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปล้วสาร Botulinum Toxin จะเข้าไปทำให้เซลล์ประสาทบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดหยุดหลั่งสารสื่อประสาทออกมาจนทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวหดตัว ชา และตึง จนไม่สามารถขยับได้ และเมื่อฉีดไปสักพัก กล้ามเนื้อส่วนที่ฉีดก็จะค่อย ๆ คลายตัวออกมาและทำให้ร่องลึกบนใบหน้าดูจางลง หลังฉีด 2 – 3 วัน ริ้วรอยเริ่มดูจางลง และหลังฉีด 7 – 14 วัน ริ้วรอย และร่องลึกเริ่มดูจางลง
และเนื่องจากโบท็อกซ์เป็นสารธรรมชาติที่สกัดจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ร่างกายจึงสามารถค่อย ๆ สลายโบท็อกซ์ไปได้เอง เมื่อเวลาผ่านไป 6 – 12 เดือน แตกต่างกันไปตามการดูแลของแต่ละชนิดที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์

ดูแลและปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างไร
1.นอนอย่างถูกวิธี โบท็อกซ์จำเป็นต้องใช้เวลาในการทำงานและเซ็ตตัว ดังนั้น หลังฉีดโบท็อกซ์แล้วผู้ฉีดจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะในระยะ 3 – 4 ชม. แรกของการฉีด ที่ยังไม่ควรนอน เพราะอาจทำให้โบท็อกซ์ที่ฉีดไหลไปส่วนอื่น และในช่วง 24 ชม. แรกยังห้ามนอนตะแคง ให้นอนหงาย รวมถึงเลือกใช้หมอนหนุนหัวที่สูง
2.ห้ามนวดเด็ดขาด การนวดถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้โบท็อกซ์ไหลไปยังบริเวณส่วนอื่นของกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเลือกฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนก็ตาม หลังฉีดแล้วต้องจำไว้ว่า อย่านวด คลึง จับ บีบ กด ใด ๆ ทั้งสิ้น ควรทิ้งเวลาหลังการฉีดอย่างน้อย 7 – 10 ชม.
3.ประคบเย็น การประคบเย็นจะช่วยลดอาการบวมแดงในช่วงแรก ๆ ได้ และยังส่งผลให้ใบหน้าเข้ารูปไวจากการอักเสบที่ลดลงอีกด้วย
4.หลีกเลี่ยงความร้อน ควรเลี่ยงทั้งก่อนฉีดและหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะหากบริเวณที่ฉีดเจอกับความร้อนมาก ๆ บ่อย ๆ ก็อาจทำให้โบท็อกซ์กระจายตัวและสลายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
5.งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่มีส่วนทำให้โบท็อกซ์เสื่อมคุณภาพเร็ว ดังนั้นผู้ฉีดควรงดเป็นอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังฉีด
อ่านบทความ สกินแคร์ แรไอเท็มของสาวๆช่วงหน้าร้อน